แม้หลายคนจะสนใจการพัฒนาระบบของต่างประเทศ แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจจ้างบริษัทในไทย อาจมีความรู้สึกไม่มั่นใจใช่ไหมครับ? ในปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่มอบหมายให้ทีมในไทยพัฒนาและติดตั้งระบบงานต่าง ๆ โดยเฉพาะในฝ่าย IT หรือทีมที่รับผิดชอบในการผลักดัน DX
อย่างไรก็ตาม การจ้างพัฒนาระบบกับบริษัทในต่างประเทศที่มีความแตกต่างทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม ย่อมทำให้เกิดความกังวล เช่น “จะอธิบายสเปกได้ครบถ้วนไหม” หรือ “หลังจากส่งมอบแล้ว จะมีทีมดูแลต่อหรือเปล่า” เป็นต้น
บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยให้คุณ โดยเราจะอธิบายถึงสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างพัฒนาระบบในประเทศไทย ทั้งข้อดีของการพัฒนาในประเทศ, สิ่งที่ควรระวัง, ปัญหาที่พบได้บ่อยและวิธีการรับมือ ตลอดจนวิธีเลือกบริษัทพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม พร้อมแนะนำจุดแข็งของ TOMAS TECH ที่พร้อมให้การสนับสนุนทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น
หากคุณกำลังพิจารณาการพัฒนาระบบในประเทศไทยแล้วละก็ สามารถติดต่อเราเพื่อปรึกษาได้ทุกเมื่อ!
| เหตุผลที่หลายบริษัทเลือกพัฒนาระบบในประเทศไทย

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมบริษัทจำนวนมากจึงเริ่มหันมาพัฒนาระบบในประเทศไทย คำตอบอยู่ที่ข้อได้เปรียบหลายประการที่ประเทศไทยสามารถมอบให้ได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้
- ต้นทุนที่เหมาะสมและความสะดวกในการเข้าถึงบุคลากรด้าน IT ในไทย
- ความเข้าใจในวัฒนธรรมและการทำงานร่วมกันที่ราบรื่น
- ระยะทางที่ใกล้และความต่างของเวลาที่น้อย
ประเทศไทยมีค่าแรงของวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ต่ำกว่าประเทศญี่ปุ่น ทำให้สามารถพัฒนาระบบที่มีคุณภาพในงบประมาณที่จำกัดได้ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวิศวกรอย่างต่อเนื่อง การใช้ทรัพยากรจากต่างประเทศอย่างประเทศไทย จึงเป็นทางออกที่ดีในการเสริมกำลังบุคลากร
ยิ่งไปกว่านั้น คนไทยมีทัศนคติที่เป็นมิตรต่อญี่ปุ่นและมีความเข้าใจในวัฒนธรรม รวมถึงมารยาทในการทำงานของญี่ปุ่นเป็นอย่างดี จึงช่วยลดปัญหาการสื่อสารผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นในการทำงานข้ามวัฒนธรรม และเอื้อต่อการทำงานร่วมกันในระยะยาว
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ความต่างของเวลาเพียง 2 ชั่วโมงนั้น ทำให้สามารถติดต่อและแก้ไขปัญหาแบบเรียลไทม์ได้ง่าย หากมีการเปลี่ยนแปลงระบบ หรือต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งประเทศไทยยังเดินทางจากญี่ปุ่นได้สะดวก จึงสามารถนัดหมายการประชุมแบบพบหน้ากันได้เมื่อยามจำเป็น
ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุน ประสิทธิภาพการทำงาน หรือความสะดวกในการสื่อสาร จึงไม่น่าแปลกใจที่มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจมาพัฒนาระบบในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ
| ปัญหาที่พบบ่อยในการพัฒนาระบบในประเทศไทย

แม้ว่าการพัฒนาระบบในประเทศไทยจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีประเด็นท้าทายบางอย่างที่ไม่ควรมองข้าม หากเริ่มต้นโดยไม่เตรียมตัวให้ดี อาจลงเอยด้วยความผิดหวังว่า “ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลย” โดยในหัวข้อนี้ เราขอแนะนำ 3 ปัญหาที่พบบ่อย พร้อมกับแนวทางรับมือเบื้องต้น ดังต่อไปนี้
สื่อสารความต้องการระบบได้ไม่ชัดเจน
การถ่ายทอดข้อกำหนดของระบบ (Requirements) ไปยังทีมพัฒนาที่มาจากต่างภาษาและวัฒนธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้บางอย่างจะถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่น แต่ก็อาจไม่ได้รับการพัฒนาระบบในส่วนนั้น หากไม่ได้ระบุความต้องการเอาไว้อย่างชัดเจน
เพียงแค่ส่งเอกสารอธิบายนั้นอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการสื่อสารโดยตรงเพื่อปรับความเข้าใจร่วมกันในรายละเอียด หากขาดความเข้าใจที่ตรงกัน ก็อาจได้ระบบที่ไม่ตรงตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ การแปลคำศัพท์เฉพาะทางหรือศัพท์เทคนิคให้เข้าใจง่าย ก็เป็นสิ่งสำคัญในการลดความคลาดเคลื่อนลงได้
การดูแลรักษาและการดำเนินการใช้ระบบหลังการพัฒนาไม่เพียงพอ
การพัฒนาระบบไม่ได้จบลงหลังจากส่งมอบ ระบบจำเป็นต้องได้รับการดูแลในระยะยาว เช่น การแก้บั๊ก การเพิ่มฟังก์ชันใหม่ หรือการสนับสนุนเมื่อเกิดปัญหา หากผู้ให้บริการในต่างประเทศไม่มีระบบรองรับที่เพียงพอในช่วงหลังพัฒนา ก็อาจทำให้ผู้ใช้งานประสบปัญหาได้
แม้ประเทศไทยจะมีเวลาห่างจากญี่ปุ่นเพียง 2 ชั่วโมง แต่ระยะทางที่ห่างกัน และการสื่อสารที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น อาจทำให้การแก้ไขล่าช้า ดังนั้น การตกลงเรื่องบริการหลังการขายให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น และการเลือกพันธมิตรที่มีทีมสนับสนุนที่เชื่อถือได้นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ขาดความเข้าใจในกระบวนการทำงานจริงของลูกค้า
หากเริ่มพัฒนาโดยไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงกระบวนการทำงานในสถานที่จริง หรือขาดความรู้ในลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ระบบที่ออกแบบมาก็อาจจะไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริงได้
โดยเฉพาะในภาคการผลิตหรือโลจิสติกส์ที่มีกระบวนการเฉพาะตัว หากไม่ทำความเข้าใจให้ดี ระบบอาจจะอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ แต่ไม่ตอบโจทย์ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์กระบวนการทำงาน และการกำหนดความต้องการอย่างรอบคอบก่อนเริ่มพัฒนาระบบ
และหากท่านกำลังเผชิญปัญหาในหน้างานหรือยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ทีมงาน TOMAS TECH ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมสนับสนุนการพัฒนาระบบในประเทศไทยอย่างรอบด้าน สามารถติดต่อเราได้ทุกเมื่อ!
| หลัก 3 ข้อในการเลือกบริษัทเพื่อพัฒนาระบบในประเทศไทย

หากคุณกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ด้านการพัฒนาระบบในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด ลองพิจารณาจากหลัก 3 ข้อดังต่อไปนี้ เพื่อการคัดเลือกบริษัทที่เหมาะสมกับระบบที่คุณต้องการ
มีทีมงานที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ และใส่ใจในการเก็บความต้องการอย่างละเอียด
การมีทีมงานที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ จะช่วยให้การเก็บความต้องการของระบบ (Requirement Definition) และการประชุมต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ช่วยลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลและสามารถสื่อสารรายละเอียดปลีกย่อยได้ครบถ้วน แม้ในกรณีที่ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ควรเลือกบริษัทที่มีระบบการรายงานและการสื่อสารที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ
มีสำนักงานพัฒนาระบบในประเทศไทย และมีทีมประสานงานในญี่ปุ่นหรือไม่
ควรเลือกบริษัทที่มีผลงานพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความเข้าใจในอุตสาหกรรมของคุณ และยิ่งหากมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบสำหรับภาคการผลิต ก็อาจสามารถเสนอฟังก์ชันที่เหมาะสมให้กับคุณได้ โดยไม่ต้องอธิบายในทุก ๆ รายละเอียด และควรตรวจสอบตัวอย่างผลงานที่ผ่านมา รวมถึงพิจารณาว่ามีประสบการณ์ร่วมงานกับบริษัทญี่ปุ่นมาก่อนหรือไม่
มีความเข้าใจในธุรกิจและมีผลงานด้าน DX หรือไม่
โครงสร้างการดูแลระบบหลังส่งมอบ (หลัง Go-live) เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทที่สามารถตอบสนองต่อปัญหาหรือคำขอเพิ่มเติมของคุณได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ จะช่วยให้คุณมั่นใจในระยะยาว และอย่าลืมระบุขอบเขตการดูแลหลังการขายอย่างชัดเจนในสัญญา เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
| จุดแข็งของ TOMAS TECH: พัฒนาระบบอย่างมั่นใจด้วยการดูแลทั้งในไทยและญี่ปุ่นแบบครบวงจร

หากคุณกำลังมองหาพาร์ตเนอร์สำหรับพัฒนาระบบในประเทศไทย TOMAS TECH คือหนึ่งในตัวเลือกที่ไว้วางใจได้
ด้วยสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และประสบการณ์ในการดูแลการติดตั้งระบบให้กับบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่ง TOMAS TECH สามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างทีมในไทยกับทีมญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด
ครบวงจร ตั้งแต่วางแผนไปจนถึงดูแลหลังติดตั้ง
TOMAS TECH ให้บริการแบบ One-Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบระบบ ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลหลังใช้งาน โดยในขั้นตอนการเก็บความต้องการ (Requirement Definition) ทางทีมงานจะพูดคุยกับลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกสื่อสารอย่างครบถ้วนไปยังทีมพัฒนาในไทย เพื่อลดปัญหาเรื่อง “สื่อสารความต้องการไม่ตรงกัน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้ว่าหลังจากระบบเริ่มใช้งานแล้ว ทีมดูแลเฉพาะทางของ TOMAS TECH ก็ยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณอุ่นใจได้ในระยะยาว
เชี่ยวชาญด้าน DX สำหรับภาคการผลิตและโลจิสติกส์
TOMAS TECH มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนาระบบสำหรับภาคการผลิตและโลจิสติกส์ เช่น ระบบจัดการคลังสินค้า และระบบติดตามย้อนกลับ (Traceability) ที่ช่วยให้หน้างานสามารถใช้งานได้จริง 100%
ด้วยความเข้าใจในกระบวนการทำงานของหน้างาน และประสบการณ์ในโครงการ DX มากมาย ทำให้สามารถให้ข้อเสนอที่ตรงจุดและลดความคลาดเคลื่อนในการพัฒนาระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดแข็งของเรา คือ การทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างผู้จัดการชาวญี่ปุ่นและทีมงานไทย สามารถสื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด โดยเรา TOMAS TECH จะช่วยลดความกังวลที่มักเกิดขึ้นในการพัฒนาระบบในต่างประเทศ และเป็นแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งในการผลักดัน DX ให้กับบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทย และไม่ว่าคุณจะกำลังเริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ หรือลังเลกับการพัฒนาระบบในต่างแดน TOMAS TECH พร้อมให้การสนับสนุนทั้งจากฝั่งไทยและญี่ปุ่น เพื่อให้คุณก้าวไปได้อย่างมั่นใจในทุกขั้นตอน
สนใจปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบในประเทศไทย ติดต่อทีมงาน TOMAS TECH ได้เลย!
| คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบในประเทศไทย

ต่อไปนี้คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบในประเทศไทย พร้อมคำตอบเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
สามารถสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่?
มีหลายบริษัทในไทยที่สามารถให้บริการด้วยภาษาญี่ปุ่นได้ โดยเฉพาะบริษัทที่มีสัญชาติญี่ปุ่น หรือบริษัทที่มีพนักงานชาวญี่ปุ่นประจำอยู่ ก็จะสามารถสื่อสารกับลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นได้โดยตรง
แม้ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ ก็ยังสามารถใช้ล่ามแปลภาษาหรือสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร สิ่งสำคัญคือการป้องกันความเข้าใจผิดที่เกิดจากอุปสรรคด้านภาษา
ดังนั้นควรตรวจสอบก่อนทำสัญญาว่าบริษัทนั้นสามารถให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่ และหากจำเป็นควรพิจารณาใช้บริการ Bridge SE (วิศวกรประสานงาน) เพื่อช่วยเชื่อมต่อระหว่างทีมพัฒนาและลูกค้า
ยังไม่มีความชัดเจนในความต้องการระบบ สามารถเข้ามาปรึกษาได้หรือไม่?
สามารถปรึกษาได้แน่นอน หลายบริษัทมีบริการรับฟังปัญหาและวิเคราะห์ความต้องการเชิงธุรกิจ เพื่อช่วยจัดทำ Requirement และออกแบบระบบให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น และในความเป็นจริง การเข้ามาปรึกษาตั้งแต่ระยะแรกที่ความต้องการยังไม่ชัดเจนนั้น จะช่วยลดความซ้ำซ้อนและทำให้ได้ระบบที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
บริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย กับบริษัทที่ไม่มี แตกต่างกันอย่างไร?
หากบริษัทมีสำนักงานในประเทศไทย จะมีความคล่องตัวมากกว่าในการเข้าไปตรวจสอบที่หน้างานโดยตรง รวมไปถึงการให้การสนับสนุนหลังติดตั้งระบบ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องต้นทุนที่แตกต่างกัน แต่บริษัทที่มีทีมงานในพื้นที่นั้น ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดูแลระบบหลังการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
ควรเลือกใช้ระบบสำเร็จรูป (Package) หรือพัฒนาใหม่ทั้งหมด (Scratch)?
หากต้องการใช้งานเร็วและประหยัดงบ ระบบสำเร็จรูป (แบบ Package) จะเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการระบบที่ปรับให้เหมาะกับขั้นตอนการทำงานเฉพาะของบริษัท ควรเลือกการพัฒนาใหม่ทั้งหมด (แบบ Scratch)
โดยทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดคือเริ่มจากปรึกษากับบริษัทที่สามารถเสนอแนวทางที่เหมาะสมตาม “เป้าหมาย งบประมาณ และระยะเวลา” ของคุณได้จะดีที่สุด
| สรุป: กุญแจสู่ความสำเร็จในการพัฒนาระบบที่ประเทศไทย คือ “การสื่อสารและความเข้าใจในงาน”
การพัฒนาระบบที่ประเทศไทยมีข้อดีอย่างมากในเรื่องของการลดต้นทุนและความรวดเร็วในการพัฒนา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความท้าทาย เช่น อุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม รวมถึงความเข้าใจที่อาจไม่ลึกซึ้งในงานที่ต้องทำ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าและการเลือกพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ
ซึ่งกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่สำคัญ คือ “การสื่อสารที่ใกล้ชิดและความเข้าใจในงานอย่างถ่องแท้”
โดยการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับทีมงานหน้างานเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดต่าง ๆ อย่างทันท่วงที รวมถึงการให้ทีมพัฒนาเข้าใจในรายละเอียดของงานและวัตถุประสงค์อย่างลึกซึ้งนั้น จะช่วยให้โครงการเดินหน้าไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จได้
ในปัจจุบัน มีหลายบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินการพัฒนาระบบในประเทศไทย และประสบผลสำเร็จอย่างชัดเจน หากคุณเข้าใจจุดสำคัญเหล่านี้ จะช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบในต่างประเทศ และสามารถสร้างระบบที่สนับสนุนการขับเคลื่อน DX ของบริษัทได้อย่างมั่นใจ
ขอให้บทความนี้เป็นแนวทางให้คุณได้พิจารณาการพัฒนาระบบที่ประเทศไทยได้อย่างมั่นใจและก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน