製造DXバナー
การใช้ IoT ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย | ตัวอย่างการเริ่มต้นจากการปรับปรุงพื้นที่หน้างานในโรงงานไทย - TOMAS TECH CO.,LTD.|タイの製造業・物流業のDX化を支援

Blog

2025.06.10

การใช้ IoT ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย | ตัวอย่างการเริ่มต้นจากการปรับปรุงพื้นที่หน้างานในโรงงานไทย

การนำ IoT (Internet of Things หรือ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง) มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทย กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลายท่านอาจยังรู้สึกว่า “ไม่แน่ใจว่า IoT สามารถทำอะไรได้บ้าง” หรือ “ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน” รวมถึง “ได้รับคำสั่งจากผู้บริหาร แต่ไม่รู้จะเอาไปบอกต่ออย่างไร” ใช่หรือไม่

ในบทความนี้จะอธิบายตัวอย่างการนำ IoT มาใช้เพื่อปรับปรุงพื้นที่หน้างานในโรงงานไทย พร้อมแนะนำจุดสำคัญในการเริ่มต้นใช้งาน เพื่อช่วยลบภาพลักษณ์ที่ว่า IoT นั้น “ยากเกินไป” หรือ “มีค่าใช้จ่ายสูง” และแนะนำวิธีการเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้จริงในทันที

 

| เหตุผลที่การนำ IoT เข้ามาใช้ในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การนำ IoT มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทยมีการเพิ่มตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงของรัฐบาลที่เรียกว่า “Thailand 4.0” รวมถึงความคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ราคาของเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ลดลงยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เทคโนโลยี IoT ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่สามารถเข้าถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยได้อีกด้วย

และด้วยเหตุนี้ การใช้ IoT ในอุตสาหกรรมการผลิตของไทยจึงเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติและแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ

| ปัญหาในภาคการผลิตที่ใช้ IoT ในการช่วยแก้ไขได้

เคยสงสัยหรือไม่ว่า IoT สามารถช่วยแก้ไขปัญหาอะไรในภาคการผลิตได้บ้าง ซึ่งต่อไปนี้ เราจะมาดูปัญหาที่พบบ่อยในโรงงานและแนวทางการแก้ไขด้วย IoT กัน

เมื่อเครื่องจักรหยุดทำงานหรือมีความผิดปกติ เรามักจะ “รู้ตัวช้าเกินไป”

ถ้าอาศัยจากการสังเกตด้วยเพียงสายตาคน หากเครื่องจักรในสายการผลิตเกิดความผิดปกติ ก็อาจทำให้พบความผิดปกตินั้นล่าช้า และนำไปสู่ความเสียหายได้ แต่หากมีระบบ IoT จะทำให้มีประสิทธิภาพในการตรวจจับความผิดปกติของเครื่องจักรเหล่านี้ได้ทันท่วงที
โดยการใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ และการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบค่าสัญญาณผิดปกติ ก็จะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า ช่วยให้สามารถตรวจพบสัญญาณความผิดปกติ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายจริงได้ และการบำรุงรักษาตามแผน ก็จะช่วยป้องกันการหยุดสายการผลิตกระทันหัน ลดความสูญเสีย และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมลงได้อีกด้วย

การบันทึกผลการทำงานได้ไม่ชัดเจน หรือการบันทึกย้อนหลังที่ไม่ครบถ้วน

การบันทึกข้อมูลในโรงงานที่ทำด้วยคนมักเกิดความผิดพลาดหรือข้อมูลขาดหาย เช่น การจดเวลาทำงาน หรือปริมาณการผลิต โดยการเขียนด้วยมือนั้น อาจมีการลืมหรือเขียนผิดพลาดได้
หากมีการใช้ IoT เข้ามาช่วย ก็จะสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้แบบอัตโนมัติและบันทึกสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ข้อมูลมีความถูกต้องและสม่ำเสมอ สามารถติดตามสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์ และเมื่อจะวิเคราะห์ข้อมูลในภายหลัง ก็จะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้สามารถใช้อ้างอิงได้ เพียงแค่การเปลี่ยนจากการบันทึกด้วยกระดาษหรือ Excel มาใช้ IoT ก็จะสามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำได้เป็นอย่างมาก

การไม่รวมศูนย์ของข้อมูลในแต่ละระบบ

ในโรงงาน ข้อมูลมักจะแยกกันตามแผนก ทำให้การมองภาพรวมและวิเคราะห์ข้อมูลข้ามแผนกนั้นทำได้ยาก
แต่หากมีการใช้ IoT รวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์แต่ละชิ้นไว้ในแพลตฟอร์มเดียว จะช่วยให้เห็นภาพรวมของโรงงานได้อย่างชัดเจน
โดยสามารถดูข้อมูลจำนวนการผลิต อัตราการทำงาน คุณภาพ และสถานะอุปกรณ์ได้พร้อมกัน รวมถึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลต่าง ๆ ได้ และด้วยการจัดทำฐานข้อมูลด้วย IoT ก็จะยิ่งช่วยให้การตัดสินใจในสิ่งต่าง ๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

 

| แนะนำการประยุกต์การใช้งาน IoT ในโรงงานไทย

แม้จะเข้าใจแล้วว่า IoT สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้างในโรงงาน แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า “แล้วเราควรเริ่มต้นจากตรงไหน ยังไม่ค่อยเห็นภาพที่เป็นรูปธรรมเลย”

ในบทความนี้เราขอแนะนำตัวอย่างการใช้ IoT ที่สามารถเริ่มต้นแบบเล็ก ๆ ได้ง่ายในโรงงานที่ประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเริ่มต้นได้ในงบประมาณไม่สูงและใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการติดตั้งโดยไม่ต้องลงทุนกับระบบขนาดใหญ่

การควบคุมคุณภาพด้วยเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น

อุณหภูมิและความชื้นภายในโรงงานมีผลต่อคุณภาพสินค้าและอายุการใช้งานของเครื่องจักร ในประเทศไทยนั้นมีอากาศร้อนชื้น การใช้เซ็นเซอร์ IoT ตรวจวัดสภาพแวดล้อมตลอดเวลา และแจ้งเตือนเมื่อค่าผิดปกติ จะสามารถช่วยควบคุมคุณภาพในโรงงานได้เป็นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นในห้องเก็บชิ้นส่วน จะช่วยตรวจจับความร้อนที่มากเกินไป หรือการควบแน่นของความชื้นที่ผิดปกติ และจะแจ้งเตือนให้ดำเนินการแก้ไขก่อนเกิดปัญหา ซึ่งเซ็นเซอร์ประเภทนี้มีราคาค่อนข้างถูก และสามารถติดตั้งได้ง่ายหากมีเครือข่ายไร้สายภายในโรงงาน

การมอนิเตอร์การทำงานของไลน์การผลิต

ในอดีต เราไม่อาจรู้ได้อย่างแม่นยำว่าเครื่องไหนทำงานเมื่อไหร่และนานแค่ไหน แต่ด้วย IoT แล้ว เราสามารถติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อบันทึกเวลาเปิด/ปิด และจำนวนครั้งที่เครื่องจักรหยุดทำงานได้โดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดกระแสไฟฟ้าหรือการสั่นสะเทือน ที่จะช่วยตรวจจับสถานะเปิด/ปิดของเครื่องจักร และคำนวณอัตราการทำงานของแต่ละไลน์การผลิตได้ และด้วยการมอนิเตอร์ลักษณะนี้ สามารถติดตั้งเพิ่มเติมกับเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมได้ง่าย และเหมาะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับปรุงระบบด้วยการใช้ข้อมูลจริง

การนับจำนวนอัตโนมัติ” สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่หรือสินค้าคงคลัง

การใช้งาน IoT เพื่อตรวจสอบปริมาณของอะไหล่หรือวัสดุสิ้นเปลือง เช่น น็อตและชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิต
แทนที่จะต้องมีพนักงานเดินตรวจสต็อกนั้น สามารถติดเซ็นเซอร์ไว้ที่ภาชนะหรือเครื่องจ่ายวัสดุ เพื่อวัดน้ำหนักและประมาณจำนวนที่เหลืออยู่ได้โดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น เมื่อปริมาณต่ำกว่าที่กำหนด ระบบจะเปิดไฟเตือนหรือส่งแจ้งเตือนไปยังผู้รับผิดชอบ ทำให้สามารถช่วยป้องกันการขาดวัตถุดิบที่อาจทำให้สายการผลิตหยุด และสามารถสั่งซื้อของเพิ่มได้อย่างเหมาะสม แม้ไม่ใช่ระบบขนาดใหญ่ แต่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ IoT เพื่อแก้ปัญหาหน้างานอย่างตรงจุด

และหากคุณสนใจทดลองใช้งาน IoT ภายในโรงงานของคุณเองแล้วละก็ สามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาได้ทุกเมื่อ!

 

| 3 หัวใจสำคัญที่จะทำให้การนำ IoT มาใช้นั้น ประสบความสำเร็จ

แม้จะเริ่มต้นจากโครงการเล็ก ๆ แต่ก็สามารถนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในโรงงานได้ แต่หากต้องการให้ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง จำเป็นต้องใส่ใจในปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ด้วย บทความนี้จะแนะนำ 3 หัวใจสำคัญในการทำให้การใช้ IoT ในโรงงานที่ประเทศไทยนั้น เป็นไปได้อย่างมั่นคง

เริ่มจากเล็กๆ อย่าขยายใหญ่ในทันที

เคล็ดลับของการนำ IoT มาใช้ให้ได้ผล คือการเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องเร่งขยายไปทั้งโรงงานในคราวเดียว แต่ควรเริ่มจากไลน์การผลิตเพียงหนึ่งไลน์ หรือเลือกเครื่องจักรสักหนึ่งเครื่องเพื่อทดลองใช้งานก่อน
การทดลองใช้งานในวงจำกัดนั้น จะช่วยควบคุมงบประมาณและลดความเสี่ยง พร้อมทั้งสามารถประเมินผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน และเมื่อประสบความสำเร็จในจุดเล็ก ๆ ก็จะสามารถสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นภายในองค์กรได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การขยายขอบเขตการใช้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่น

อย่าหยุดแค่ “การทำให้มองเห็นข้อมูลชัดเจน”

แม้ว่า IoT จะช่วยให้สามารถมองเห็นข้อมูลจากหน้างานได้อย่างชัดเจน แต่หากไม่มีการนำข้อมูลนั้นไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็จะไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างเช่น หากสามารถมองเห็นอัตราการทำงานของเครื่องจักรได้แล้ว ก็ไม่ควรหยุดแค่นั้น ควรมีการพูดคุยวิเคราะห์ถึงสาเหตุของประสิทธิภาพที่ลดลง และลงมือแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การปรับแต่งเครื่องจักร หรือการทบทวนขั้นตอนการทำงานใหม่ ซึ่งการนำข้อมูลมาใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจและปรับปรุงงาน คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ IoT นั้นสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริงขึ้นได้

ออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานและบำรุงรักษาในระยะยาว

การนำ IoT มาใช้ไม่ใช่เพียงแค่ “ติดตั้งแล้วจบ” แต่ต้องมีแผนรองรับสำหรับการดูแลระบบในระยะยาวด้วย หากเริ่มต้นใช้งานแล้วไม่มีใครติดตามข้อมูลหรือดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง การลงทุนครั้งนั้นก็อาจไร้ความหมาย
ดังนั้น ควรมีการกำหนดกระบวนการตั้งแต่แรกว่า “ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูล” และ “จะมีมาตรการอย่างไรเมื่อเกิดความผิดปกติ” รวมถึง “ใครจะเป็นผู้ดูแลรักษาเซ็นเซอร์” เป็นต้น
นอกจากนี้ยังควรวางแผนเรื่องการสอบเทียบอุปกรณ์ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ การอัปเดตซอฟต์แวร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายและเวลาในการบำรุงรักษาไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบ การฝึกอบรมพนักงานให้เข้าใจการใช้งาน และการจัดเตรียมคู่มืออย่างเป็นระบบ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะทำให้ระบบ IoT กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำวัน และสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในระยะยาว

| การสนับสนุนการนำ IoT ไปใช้ในโรงงาน โดย TOMAS TECH

ที่ TOMAS TECH เราพร้อมให้การสนับสนุนแบบครบวงจรสำหรับการนำ IoT ไปใช้ในโรงงานผลิตที่ประเทศไทย ตั้งแต่การลงพื้นที่สำรวจหน้างาน การออกแบบเซ็นเซอร์ ไปจนถึงการสนับสนุนให้ระบบใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่รู้สึกกังวลกับการเริ่มต้นเอง หรือกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ที่ไว้ใจได้ในประเทศไทย เราพร้อมเป็นแรงสนับสนุนนั้นให้กับคุณ

ทีมงานของเราจะลงพื้นที่โรงงานเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมจริง และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับปัญหาในแต่ละแห่ง จากนั้นจะเลือกใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์และวิธีการสื่อสารข้อมูลที่เหมาะสม พร้อมทั้งออกแบบและติดตั้งระบบให้ครบถ้วน และหลังจากติดตั้งเรียบร้อย เรายังให้การสนับสนุนต่อเนื่องเพื่อให้ระบบสามารถฝังรากลึกในการทำงานประจำวันของพนักงานในหน้างาน รวมถึงมีการฝึกอบรมการใช้งาน พร้อมให้การสนับสนุนเป็นภาษาในท้องถิ่นนั้น ๆ  เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถใช้งาน IoT ได้อย่างมั่นใจ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริการ และตัวอย่างโครงการที่ผ่านมา สามารถติดต่อเราได้ทันที!

 

| คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนำ IoT ไปใช้ในประเทศไทย

เราขอรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนำ IoT มาใช้ในประเทศไทย พร้อมคำตอบเพื่อช่วยให้คุณได้เข้าใจและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

IoT ดูเหมือนเป็นเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง หากต้องการเริ่มต้นในระบบขนาดเล็กจะเป็นไปได้หรือไม่?


ปัจจุบันราคาของเซ็นเซอร์และอุปกรณ์สื่อสารนั้น มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริการคลาวด์ก็มีต้นทุนที่จับต้องได้ ทำให้สามารถเริ่มต้นระบบขนาดเล็กได้ในงบประมาณหลักแสนบาทเท่านั้น สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องงบประมาณ เราแนะนำให้เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนขยายการใช้งานต่อไปในอนาคต

หากโรงงานมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร จะสามารถใช้งาน IoT ได้หรือไม่?

ได้แน่นอน โดยเราสามารถวางระบบเครือข่ายภายในโรงงาน (Local Network) และจัดเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์ภายในได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ช่วยให้ระบบยังคงสามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพแม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

กังวลว่าพนักงานในหน้างานจะใช้ระบบไม่เป็น

ระบบสามารถออกแบบให้ใช้งานได้อย่างง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ด้วยหน้าจอแสดงผลที่เข้าใจง่าย รวมถึงมีการฝึกอบรมและอธิบายให้พนักงานเข้าใจถึงประโยชน์ของระบบ เช่น ลดภาระการจดบันทึกด้วยมือ หรือแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ พนักงานจะได้เห็นว่า IoT นั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่คือเครื่องมือที่จะช่วยให้ภาระงานเบาขึ้น

 

| สรุป: IoT ไม่ใช่แค่การ เห็นข้อมูล แต่คือ เครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจในหน้างาน

IoT ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยีใหม่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้แก้ปัญหาในหน้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณเคยรู้สึกว่าสิ่งนี้มัน “ดูซับซ้อน” หรือ “น่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง” เราขอแนะนำให้เริ่มต้นจากประเด็นเล็ก ๆ ที่ใกล้ตัวก่อน เพราะหัวใจของ IoT ไม่ใช่แค่การมองเห็นข้อมูล แต่คือการนำข้อมูลนั้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในหน้างาน และหากยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ

หากสนใจบริการของเรา กรุณาคลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อติดต่อ TOMAS TECH ได้เลย!